ปลัดขิก ของขลังในตำนานที่แท้จริง / โดย มหานิยม
คนไทยเรามักจะคุ้นเคยกับปลัดขิก นิยมเอามาห้อยคอหรือตั้งไว้ในร้านค้า แท้จริงแล้วบูชากัยอย่างไรและดรอย่างไร?
มหานิยมจะเล่าให้ฟัง...
ตำนานความเชื่อที่มาของปลัดขิกน่าจะมีรากเหง้าความเชื่อมาจากอิทธิพลของอินเดียที่แผ่ขยายเข้ามาใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 ซึ่งชาวฮินดูมีการนับถือแท่งหินที่แกะสลักเป็นรูปร่างของอวัยวะเพศชายตั้งอยู่บนฐาน โยนี เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระศิวะหรือพระอิศวรในลัทธิไศวนิกาย
อันเป็นตัวแทนของธาตุทั้ง 5 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ และเป็นบิดา มารดาของทุกสิ่งในจักรวาล แม้ในอารยธรรมกรีกหรือโรมันโบราณก็มีการสร้างวัตถุที่มีลักษณะคล้ายกันมีเป็นรูปอวัยวะเพศชายไว้เป็นเหมือนเครื่องรางบูชา สำหรับปลัดขิกในประเทศไทยแล้ว ไม่แน่ว่ามีความเป็นมาตั้งแต่สมัยใดแน่ แต่ต่างจากการนับถือศิวลึงค์ของชาวฮินดู เพราะปลัดขิกของคนไทยถูกสร้างและปลุกเสกจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพระเวทย์และคาถาอาคม คนไทยสมัยโบราณ นิยมห้อยปลัดขิกไว้ที่เอว หรือคอของเด็ก แทบจะทุกคน ที่ผ่านมาในยุคสมัยหนึ่งเด็กผู้ชายไทยมักมีปลัดขิกผูกติดตัวไว้เป็นเครื่องราง ของขลัง เพื่อป้องกันงูเงี้ยวเขี้ยวขอ ตามความเชื่อที่ผู้ใหญ่บอกไว้อย่างนั้น และแม่ค้าพ่อค้าก็มักจะนำมาไว้ที่ร้านค้าหรือบูชาติดตัว โดยมีความเชื่อว่าจะช่วยให้ขายดี ค้าขายคล่อง ขายดีมีกำไร บางคนยังบูชาติดตัวเพื่อเสริมทางด้านมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยมอีกด้วย
ตำราการสร้าง ปลัดขิก ของไทย มักสร้างจากไม้ที่มีชื่อเป็นมงคล หรือวัตถุอาถรรพณ์ที่มีฤทธิ์ในตัว เช่น เช่นไม้พญางิ้วดำ ไม้มะยมตายพราย ไม้คูณ ไม้พยุง หรือสร้างโดยการหล่อเป็นโลหะ โดยหลอมจากชนวนมวลสารต่างๆ การปลุกเสกปลัดขิกตามตำราว่ากันว่าเกิจอาจารย์ผู้ปลุกจะต้องปลุกเสกให้เคลื่อนไหวได้ดุจมีชีวิต จึงจะถือได้ว่าสำเร็จวิชานี้...