ผ้ายันต์ฟ้าประทานพร อาเซียนแปะ โรงสี บูชาอย่างไรให้ถูกวิธี / โดย มหานิยม

เสียงคำล่ำลือว่าผ้ายันต์ท่าน ค้าขายดี มีเงิน มีทอง แก้อาถรรพ์และปราบสิ่งชั่วร้ายต่างๆ เราก็หามาบูชากันได้ ตามผู้ที่ปล่อยให้บูชาหรือมีแจกที่วัดก็มี แต่ได้มาแล้วยังไงต่อละ บูชาไม่เป็นก็ไม่เห็นผล มหานิยมจะเล่าให้ฟัง...

อาเซียนแปะโรงสี มีชื่อว่า โง้วกิมโคย หรือ นที ทองศิริ ในภาษาไทย ท่านได้เขียนผ้ายันต์ฟ้าประทานพรขึ้น ตามทางของลัทธิเต๋าชั้นสูงขึ้นแจกจ่ายแก่คณะศิษย์ที่มาอวยพร มาขอพรปีใหม่และอีกหลาย ๆ วาระ ต่อมาได้มีลูกศิษย์ของท่านขอพิมพ์เป็นผ้ายันต์พิมพ์เพื่อแจกกันเพิ่มขึ้น เท่าที่ทราบก็มีอยู่หลายท่านที่เป็นผู้พิมพ์ผ้ายันต์ฟ้าประทานพรให้กับอาเซียนแปะไว้แจก จึงเกิดมีความแตกต่างกันบ้าง ทั้งขนาด ตัวยันต์ สี และผ้าที่ใช้พิมพ์ (ของที่ทำขึ้นใหม่ก็ใช้ได้เหมือนกัน ขอให้รู้วิธีใช้)
ผ้ายันต์ฟ้าประทานพร อาจารย์โง้วกิมโคย (แปะโรงสี) ปทุมธานี (กาใหญ่)
ความหมายของผ้ายันต์ฟ้าประทานพร
ตามข้อมูลที่ผู้เขียนทราบมา ความหมายของผ้ายันต์ฟ้าประทานพรของอาเซียนแปะโรงสี ตามลัทธิเต๋า ฟ้า หมายถึงคุณธรรม เทพเจ้าชื่อเทพเทียนกวนต้าตี้ หรือความหมายในภาษาไทยว่า เทพเจ้าฟ้าประทานพร ตามตัวหนังสือจีน ๔ ตัวด้านบนอ่านว่า เทียนกัวซื่อฮก ซึ่งเป็นเทพเจ้าผู้มีหน้าที่ดูแลความทุกข์สุขของมนุษย์ ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้มีคุณธรรมความดี ๓ ประการ ให้มีความสุข ความ เจริญ รุ่งเรือง สมความปรารถนา มีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ มีทรัพย์สิน เงินทองมากมาย มีสติปัญญาล้ำเลิศ

เครื่องหมายถูก 3 ตัวเป็นตัวแทน
1.ผู้มีความซื่อสัตย์ ขยันหมั่นเพียร อดทน ทำแต่สิ่งที่ดีงาม
2.มีความกตัญญูรู้คุณของผู้อื่นและตอบแทนคุณของท่าน เริ่มตั้งแต่คนใกล้ชิด พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ เพื่อน และบุคคลอื่น ๆ ที่ได้ช่วยเหลือ เรา
3.มีเมตตาช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่เราจะพอช่วยได้ ช่วยแบบมีสติ รู้ว่าควรช่วยหรือไม่ควรช่วย ควรช่วยแค่ไหน ช่วยแล้วไม่ให้ใครต้องเดือดร้อนและไม่เบียดเบียนผู้อื่น
ผ้ายันต์ฟ้าประทานพร อาจารย์โง้วกิมโคย (แปะโรงสี) ปทุมธานี (กาใหญ่)
หากเราทำได้ก็จะได้พรจากสวรรค์ลงมาให้เราเหมือนเส้นม้วน ๆ ลงมา 3 เส้นเป็นการส่งผ่านพลังแห่งฟ้าสู่มนุษย์ ธาตุทั้ง 5 หนุนเกื้อกูลกันโดยมีธาตุทองเป็นธาตุใหญ่ส่งให้เกิดความสำเร็จ ร่ำรวย อุดมสมบูรณ์พูนสุข ยันต์ 8 ทิศทั้ง 2 ด้านช่วยกันคุ้มครองป้องกันสรรพภัยและสิ่งชั่วร้ายให้สูญสลายไป บังเกิดแต่สิ่งที่ดีงาม เมื่อเรารู้เคล็ดลับความหมายของผ้ายันต์ฟ้าประทานพรแล้ว ก็อยู่ที่ตัวเราว่าจะสามารถให้ผ้ายันต์เกื้อหนุนเราได้หรือไม่ ถ้าหากเรามีคุณธรรมความดีดั่งที่ได้กล่าวมาแล้ว ก็สามารถขอพรให้ผ้ายันต์ฟ้าประทานพรคุ้มครองเกื้อหนุนเราได้ หากยังไม่มีเราก็สามารถปรับปรุงตัวเองเสียใหม่ให้เกิดความดีงามขึ้นแก่ตัวเราเอง ยังไม่สายเกินไปที่จะทำสิ่งที่ดี ๆ ค่อย ๆ ทำไปทีละเล็ก ทีละน้อย ก็จะได้ความดีเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ เอง

ทีนี้มาลองว่ากันถึงเคล็ดลับวิธีใช้กันอีกหน่อยนึง เมื่อได้ผ้ายันต์ฟ้าประทานพรมาแล้วก็ให้ไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับอาเซียนแปะโรงสี ทำบุญที่ไหนก็ได้ เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูต่ออาเซียนแปะที่ได้ทำผ้ายันต์ฟ้าประทานพรเผยแพร่ให้แก่เรา ทำบุญเสร็จแล้วก็อธิษฐานบอกท่านและขอพร ขอบารมีจากท่านให้คุ้มครองรักษาเรา อยากได้อะไรก็บอกท่านเหมือนเราขอพรจากผู้ใหญ่ ห้ามบน
ล็อกเก็ตภาพถ่าย เซียนแปะโรงสี (อาจารย์โง้วกิมโคย)
หากต้องการใส่กรอบไว้บูชา ก็ให้หันหน้ายันต์ออกหน้าบ้าน เมื่อเวลาเข้าบ้านให้มองเห็นผ้ายันต์ให้เด่นชัด แล้วหาที่ปักธูปและกิมฮวย (หางนกยูง) 1 คู่ ติดไว้ ไหว้ด้วยธูป 3 หรือ 5 ดอกก็ได้ ใช้ส้ม 4 หรือ 5 ผลก็ได้ ให้อธิษฐานธูปโดยไม่ต้องจุดธูปแล้วปักลงที่เสียบธูป จะหักก้านธูปครึ่งหนึ่งก็ได้หรือจะไม่หักก็ได้ ให้เปลี่ยนธูปและกิมฮวยในวันที่ ๕ของตรุษจีน (ชิวโหงว) เพราะเป็นวันไหว้อาเซียนแปะที่ศาลของท่านทุกปี หรือจะเปลี่ยนตอนสารทจีนและวันไหว้ขนมอี๋ (ไหว้บัวลอย) ด้วยก็ได้

โดยปกติแล้วผ้ายันต์ฟ้าประทานพร ผู้รู้จะไม่ค่อยจำหน่ายกัน ส่วนใหญ่จะแจกให้เป็นมงคลเมื่อนำส้ม 4 ผล มาอวยพรในวันตรุษจีนหรือโอกาสพิเศษเท่านั้น อย่าลืมนะครับต้องมีความซื่อสัตย์ ความขยันหมั่นเพียร ความอดทน ความกตัญญูรู้คุณคนและตอบแทนคุณคน เมตตาช่วยเหลือผู้อื่นเท่าที่พอจะทำได้ ทำด้วยใจ แล้วทุกท่านจะมีความสุข ความเจริญรุ่งเรือง สมปรารถนาทุกคน

ลูกกรอกพรายกระซิบ เมตตามหานิยม โชคลาภ เล่นพนัน คุ้มครองเตือนภัย

ลูกกรอกพรายกระซิบ เมตตามหานิยม โชคลาภ เล่นพนัน คุ้มครองเตือนภัย  / โดย มหานิยม

ถูกหวยเบอร์ใหญ่...ถูกติดกันมา 3 งวดซ้อน...ซื้อสลากก็ถูกเลขท้ายอีก เป็นแบบนี้บ่อยมาก เค้ามีของดีอะไรกันนะ เคยได้ยินแบบนี้กันอยู่ใช่มั้ย ของดีที่ว่ามันคืออะไร มหานิยมจะเล่าให้ฟัง...

ลูกกรอกพรายกระซิบ เป็นเครื่องรางประเภทหนึ่งที่เน้นไปในทางนำโชคเรียกลาภให้แก่เจ้าของแบบโบราณ ซึ่งหาผู้ที่รู้จริงแท้จนสามารถสร้างได้ยากยิ่ง และนับวันจะหาผู้แตกฉานในวิชาแขนงนี้น้อยนัก เพราะเป็นตำรับที่เกจิอาจารย์ตั้งแต่โบราณหวงแหนกันมาก นิยมถ่ายทอดแบบปิดบังแก่บุคคลทั่วไป ที่ถ่ายทอดแบบครบสูตรจะมีก็แต่บุคคลสืบสายเลือดเดียวกันเสียส่วนใหญ่ เนื่องจากเคล็ดวิชาดังกล่าวมีความศักดิ์สิทธิ์สูงเห็นผลทันตา(องค์ครู)และมีเนื้อความสลับซับซ้อนในขั้นตอนการฝึกเรียน แต่ถ้าสามารถเรียนได้สำเร็จ บุคคลผู้นั้นจะสามารถน้อมนำดวงวิญญาณของเทวดาชั้นยอดหญ้าหรือภูมมะเทวดา และบรรดาลูกกรอกวิญญาณที่มีฤทธานุภาพเหนือยิ่งกว่ากุมารทองทั้งปวงให้มาช่วยเหลือรับใช้ ทำสิ่งใดก็ได้ ตามแต่ผู้สำเร็จวิชาจะพึงปรารถนา
ลูกกรอกพรายกระซิบ ครูบาเดช จ.ลำปาง
แต่หากจะให้เกิดคุณอนันต์แก่ประชาชนหมู่มาก ท่านให้สร้างเป็นรูปหุ่นพยนต์อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทำเป็นเครื่องรางวัตถุมงคลบูชาติดตัวโดยกำหนดมวลสารบังคับตามตำราทั้งหมด 12 ประการดังนี้

1. รกของเด็กที่เกิดมารกพาดคอ
2. รกของเด็กที่เกิดมาลิ้นดำ
3. รกของเด็กที่เกิดมาในตระกูลมหาเศรษฐี
4. รกของเด็กที่เกิดมาในตระกูลของผู้มีอำนาจชั้นสูง
5. ผงลูกกรอกนามมงคลทั้ง7มี อินทร์ จันทร์ มั่น คง เงิน ทอง นาค
6. ไม้ทิ่มผี 108 ศพ
ลูกกรอกให้ลาภ แช่น้ำมัน หลวงพ่อปิ่น วัดหนองเกษร จ.ราชบุรี
7. แร่ทองคำดำ
8. แร่เงิน
9. ดอกพุทธรักษา ดอกรักซ้อน ดอกทับทิม
10. ดิน 7 ตลาด
11. น้ำมันตะเคียนทองคู่
12. น้ำมันช้างผสมโขลง

เสกเรื่อยไปจนกระทั่งเกิดนิมิต ลูกกรอกมาเข้าฝันกระซิบบอกเหตุดีร้ายโชคลาภล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ จึงนำมาทำพิธีประสาทพร โดยอารธนาพระภิกษุ 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์บทมหาทิพย์มนต์หลวง พร้อมสวดอำนวยพรด้วยชยันโต 9 จบในพระอุโบสถ เป็นครั้งสุดท้ายในวันพฤหัสบดีที่ตรงกับวันอาทิตย์ทรงกลดเวลาช่วงเที่ยงวัน จึงถือว่าสำเร็จสมบูรณ์เป็นของดีที่สามารถเกื้อกูลผู้สักการะบุชาให้เกิดประโยชน์รับโชคลาภสิ่งดีงามทั้งหลายในชีวิตได้จริงสมตำราโบราณกล่าว
ลูกกรอกพรายกระซิบ 3 หัว ครูบาเดช จ.ลำปาง
ผู้ที่มีลูกกรอกมหาเฮงติดตัว จะพึงได้ประโยชน์จากการอธิฐานขอความช่วยเหลือหลายประการดังนี้
1. การทำมาหากินประกอบอาชีพต่างๆคล่องตัวขึ้น
2. ค้าขายดี ไปไหนมาไหนใครก็เมตตา(โดยเฉพาะผู้ใหญ่)
3. บันดาลโชคลาภด้วยการดลใจหรือเข้าฝัน
4. บอกเหตุดีร้ายล่วงหน้าด้วยการกระซิบ
5. คุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัยอันตรายทั้งปวง
6. มีเมตตามหานิยมจะติดต่อขอความช่วยเหลือจากผู้ใดย่อมสำเร็จโดยง่าย

นางกวัก...หญิงสาวผู้ได้พรจากพระอรหันต์ บูชาไว้ทำมาค้าขายอะไรก็ขึ้น

นางกวัก...หญิงสาวผู้ได้พรจากพระอรหันต์ บูชาไว้ทำมาค้าขายอะไรก็ขึ้น  / โดย มหานิยม

ทำมาค้าขายสมัยนี้ ไม่ว่าจะเปิดหน้าร้านขายหรือขายของออนไลน์ ลงทุนซื้อของมาขายก็เยอะ ลงทุนจ่ายค่าโฆษณาก็มาก แต่ก็ยังขายไม่ได้กำไร เบื่อมั้ย...ลองหาแม่นางกวักมาบูชาดูสิ เผื่อจะได้รวยกับเค้าบ้าง นางกวัก มีความเป็นมาอย่างไร มหานิยมจะเล่าให้ฟัง...

นางกวักที่เราพบเห็นก็เป็นรูป ปั้นของผู้หญิงนั่งคุกเข่าในท่าเทพธิดา มือขวายกขึ้นในท่ากวักมือเรียก มือซ้ายวางไว้ข้างลำตัว หรือวางไว้บนตัก นางกวักแต่งกายด้วยชุดไทย (โดย ส่วนใหญ่จะเป็นสีแดง) มีเครื่องประดับทอง อยู่ที่ศีรษะ คอ และ ต้นแขน ข้อมือ นั่งอยู่ในท่าคุกเข่า มือขวายกขึ้นในท่ากวักมือ ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจาก นางไม้ (นางไม้มีลักษณะคล้ายกันกับนางกวัก แต่มือขวาวางทาบไว้บนตัก) นางกวักเป็นเทพีแห่งความเป็น มงคลและโชคลาภตามปรารถนาในตำนานไทยโบราณ เปรียบเสมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกเงินทองโชคลาภ และรักษาสถานที่ที่ประทับอยู่

ผ้ายันต์นางกวักแดง เรียกโชคลาภ เงินทอง

เมื่อกว่า 2500 ปีที่แล้วสมัยพุทธกาล มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ สุภาวดี บิดาชื่อ สุจิตพราหมณ์ และมารดาชื่อ สุมณฑา อาศัยอยู่ที่เมืองมัจฉิกาสัณฑ์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองสาวัตถี ในประเทศอินเดีย ครอบครัวของนางประกอบอาชีพค้าขายซึ่งรายได้แค่พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปวันๆ อยู่มาวันหนึ่ง สุภาวดีไปช่วยครอบครัวขายของที่ตลาด จึงได้มีโอกาสพบพระกัสสปะเถระเจ้า ซึ่งในขณะนั้นท่านกำลังแสดงธรรมเทศนา นางมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการฟังธรรมเป็นอย่างมาก พระกัสสปะเถระ (หนึ่งในพระอรหันต์) จึงประสาทพรให้แก่นางและครอบครัว ต่อมา นางก็ได้ติดตามไปช่วยบิดาขายของเช่นเคย และได้มีโอกาสฟังธรรมจากพระสิวลีเถระเจ้า (ท่าน มีชีวิตที่วิเศษมาก ท่านอยู่ในครรภ์มารดาเป็นเวลานานถึง 7 ปี 7 เดือน
ผ้ายันต์นางกวัก มหาลาภ หลวงพ่อแสวง วัดสว่างภพ

และได้คลอดออกมาพร้อมด้วยบารมี โชคลาภ วาสนาที่ดี ท่านจึงประสบพบเจอแต่กับสิ่งดีและมีโชคลาภเสมอๆ) นางสุภาวดีได้ฟังธรรมอย่างตั้งอกตั้งใจจนแตกฉานในหลักธรรมคำสอน เมื่อนางจะเดินทางกลับ พระสิวลีจึงตั้งจิตอธิษฐานและประสาทพรให้แก่นางและครอบครัว หลังจากนั้นครอบครัวของนางก็เจริญรุ่งเรือง ทำมาค้าขายประสบความสำเร็จ เพราะได้รับพรจากพระอรหันต์ถึงสององค์ บิดาของนางจึงมักให้นางไปช่วยทำ มาค้าขายด้วยเสมอๆ เพราะเชื่อว่านางเป็นสิริมงคลที่ช่วยให้การค้าขายดี หลังจากนางเสียชีวิตลง ชาวบ้านก็ได้สร้างรูปนางสุภาวดีเพื่อบูชา ขอให้ทำมาค้าขายดี ประสบความสำเร็จ และต่อมาความเชื่อนี้จึงได้แพร่เข้ามาในประเทศไทยจนเป็นที่นิยมอย่างที่เห็น ในปัจจุบัน
แม่นางกวักลงอักขระ แช่น้ำมันจันทร์ เรียกทรัพย์ กวักโชคลาภ

10 เคล็ดลับ บูชาแม่นางกวักให้รวยไม่เลิก
การ บูชาแม่นางกวักนั้นอยู่บนพื้นฐานความเชื่อที่ว่า ให้แม่นางกวักนั้นช่วยกวักเงิน กวักทอง กวักลูกค้า กวักการกวักงานเข้ามาให้ภายในบ้าน ดังนั้นการบูชาที่ดี ย่อมส่งผลให้แม่นางกวักที่เราหาเช่ามาบูชา มีแรงมีกำลังช่วยเหลือในการกวักเงินกวักทอง กวักลูกค้ามาให้มายิ่งขึ้น ซึ่งทาง KumarnLike มีเคล็ดลับในการบูชาแม่นางกวัก ให้ช่วยเรียกโชคลาภให้เรา ง่ายๆ ดัง นี้

1. ผู้บูชาควรมีจิตที่เชื่อ และศรัทธาในวัตถุมงคล ครูบาอาจารย์ ผู้ปลุกเสกให้แก่เรา
2. ก่อนออกจากบ้านควรอาราธนาแม่นางกวักไปกับเราด้วย หรือหากค้าขายอยู่ที่บ้าน ก็ควรอาราธนาติดตัวไว้ด้วยเช่นกัน
3. การจัดวางแม่นางกวัก ไม่ควรวางหันหน้าไปทางทิศตะวันตก และไม่ควรวางรวมไว้บนหิ้งพระ หรือวางสูงกว่าพระโดยเด็ดขาด
4. การนำแม่นางกวักเข้าบ้านครั้งแรกควรจุดธูป 12 หรือ 16 ดอกบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง ให้เปิดทางให้แม่นางกวักของเราสามารถเข้าออกบ้านได้โดยง่าย
5. หากต้องการจุดธูปเพื่อบอกกล่าว หรืออธิษฐานขอแม่นางกวัก ให้จุดธูป 5 ดอก
ผ้ายันต์แม่นางกวัก เรียกโชคลาภ เงินทอง

6. ควรนำน้ำแดง น้ำเขียว น้ำเปล่า ขนมหรือผลไม้ และพวงมาลัยดอกไม้ ถวายแม่นางกวักทุกวันพระ
7. ของถวายนั้น ไม่จำเป็นต้องถวายทุกวันก็ได้ แต่ควรถวายอย่างน้อย 3-7 วันครั้ง และที่สำคัญน้ำเปล่าห้ามขาดหิ้งโดยเด็ดขาด
8. หมั่นทำบุญ อุทิศส่วนกุศลให้แก่แม่นางกวัก เพื่อให้แม่นางกวักของเรามีฤทธิ์ สามารถเรียกลูกค้าได้เร็วๆ แรงๆ
9. การถวายอาหารห้ามถวายอาหารคาวโดยเด็ดขาด ให้ถวายเป็นของหวาน หรือผลไม้แทน
10. ไม่ควรอธิษฐาน หรือขอในสิ่งที่เกินจริง หรือเกินกำลัง และเมื่อได้ในสิ่งที่ขอแล้วก็ควรนำของที่สัญญาว่าจะให้(ในกรณีที่บอกว่าจะ ให้) มาให้ตามที่กล่าวไว้ ไม่ควรผิดสัญญาเด็ดขาด


เครื่องรางของขลังแต่ละแบบ ความหมายและการนำไปใช้

เครื่องรางของขลังแต่ละแบบ ความหมายและการนำไปใช้ / โดย มหานิยม
มหานิยมจะเล่าให้ฟัง...
เครื่องรางของขลัง กล่าวได้ว่าเป็นเรื่องที่ลึกลับและบางอย่างก็หาคำตอบไม่ได้
เครื่องรางของขลัง เป็นสิ่งที่คนเราเชื่อถือต่อๆกันมาตั้งแต่โบราณ เป็นศาสตร์หนึ่งที่ยังคงมีอยู่ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปมาก แต่เรื่องของความเชื่อเรื่อง"เครื่องรางของขลัง" ซึ่งมีมาตั้งแต่โบราณ ดังในตำราพิชัยสงคราม กล่าวว่า เครื่องรางของขลัง ที่นักรบสมัยโบราณจะมีติดตัวเป็นมงคลเป็นเครื่องยึดเหนียวทางจิตใจ ซึ่งมีด้วยกันหลายชนิดและมีความเชื่อต่อ เครื่องรางของขลัง นั้นๆและต่อพระเกจิ ผู้ที่สร้างเครื่องรางเหล่านั้นอย่างมั่นคง จะเห็นได้จากการสืบทอดศาสตร์ต่างๆ เกี่ยวกับวัตถุมงคล เครื่องลาง ของขลัง ตกทอดกันมาการใช้เป็นเครื่องรางสำหรับคุ้มครองป้องกันในการออกศึกสงครามของคนโบราณ เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์อย่างหนึ่ง ข่าวเครื่องรางของขลัง
1. เครื่องราง หมายถึง วัตถุสิ่งของใดๆที่พระเกจิอาจารย์ ฆราวาสหรือผู้รู้ได้ทำการปลุกเสกขึ้นมาเพื่ออุปเท่ห์ในการใช้เครื่องราง เช่น ตะกรุด เบี้ยแก้ ผ้ายันต์ ลูกอม ฯลฯ
ตะกรุดโทน กูให้รวย หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา
2. ของขลัง หมายถึง ของทนสิทธิ์ วัตถุใดๆที่มีดีในตัวเอง โดยพระเกจิอาจารย์ไม่ได้ทำการปลุกเสก เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น เหล็กไหล เขี้ยวเสือกลวง เขี้ยวหมูตัน เขากวางคุด ข้าวสารหิน ไม้ไผ่ตัน ฯลฯ
เขี้ยวหมูตัน ถักเชือก สุดยอดเครื่องรางมหาอุตม์
3. เครื่องรางของขลัง หมายถึง ของขลังใดๆที่มีดีในตัว ที่ได้ผ่านกรรมวิธีปลุกเสกหรือลงอักขระโดยพระเกจิอาจารย์ เช่น ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ ตะกรุดไม้ไผ่ตัน เขี้ยวเสือกลวงลงอักขระ เบี้ยเเก้ ไม้ครู มีดหมอ ผ้ายันต์ ผ้าประเจียด การสร้าง เครื่องรางของขลัง มีเยอะแยะมากมายเลยครับ ฯลฯ
คำว่า "เครื่องรางของขลัง" ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ให้ความหมายไว้สั้นๆ ว่าเครื่องราง น. ของที่นับถือว่าป้องกันอันตราย ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า เช่น ตะกรุด ผ้ายันต์ เหล็กไหลของขลัง น. ของที่มีอํานาจศักดิ์สิทธิ์ ที่เชื่อกันว่าอาจบันดาลให้สําเร็จได้ดังประสงค์
หน้าผากเสือ แกะลายกำกับ หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จ.จันทบุรี
ประวัติเครื่องรางของขลัง สำหรับ เครื่องราง เป็นสิ่งที่มีมาตั้งสมัยโบราณกาลนับพันปีมาแล้ว และประวัติเครื่องรางของขลังไม่ได้มีเฉพาะแต่ในเมืองไทยเท่านั้น ชนชาติอื่นๆ ก็มีเครื่องรางใช้กันมานานแล้ว โดยเชื่อกันว่าของสิ่งนี้จะสามารถปกป้องคุ้มครองภัยอันตรายต่างๆ ให้ได้ รวมทั้งในเรื่องของโชคลาภ ความโชคดีทั้งหลายทั้งปวง

วัตถุมงคลและเครื่องรางของขลัง จึงนับเป็นเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่มีอยู่คู่กับมนุษย์ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ จนถึงทุกวันนี้ วัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง ก็เป็นที่นิยมในยุคสมัยที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปมากแล้วก็ตาม สุดยอดเครื่องรางของขลัง สำหรับความเชื่อในเรื่อง เครื่องราง ของคนไทย ก็มีมาแต่ครั้งโบราณเช่นกัน ดังจะเห็นได้ในวรรณกรรมที่มีการกล่าวถึงอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะ เครื่องราง ที่นักรบใช้ติดตัวในยามออกศึกสงคราม เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้ห้าวหาญไม่เกรงคลัวข้าศึก โดยเชื่อกันว่า เครื่องราง ที่สร้างขึ้นด้วยวิชาไสยศาสตร์ชั้นสูง โดยพระเกจิอาจารย์ผู้มีวิชาอาคมอันเข้มขลัง จะสามารถช่วยคุ้มครองป้องกันภัยรอบตัวได้เป็นอย่างดี
 ตะกรุดเอว ลายธงชาติ หลวงพ่อทบ วัดชนแดน จ.เพชรบรูณ์
ตะกรุดเอว ลายธงชาติ หลวงพ่อทบ วัดชนแดน จ.เพชรบรูณ์
เครื่องรางของขลัง จึงนับเป็นภูมิปัญญาอย่างหนึ่งของพระเกจิอาจารย์คนไทย หรือฆราวาสผู้มีวิชาอาคมขลัง สมัยเก่าก่อน ที่มีการสืบสานวิทยายุทธ์มาจนถึงทุกวันนี้ และส่วนใหญ่จะเป็นฝีมือการจัดสร้างขึ้นมาทีละชิ้น ไม่ซ้ำรูปแบบกัน เพราะไม่ได้ใช้แม่พิมพ์ตายตัวแต่อย่างใด เครื่องรางของขลัง อันโด่งดังที่คนไทยรู้จักกันมาช้านานแล้ว ก็คือ ตะกรุด ที่สร้างจากวัสดุต่างๆ เบี้ยแก้ ผ้ายันต์ ผ้าประเจียด เสื้อยันต์ ลูกอม เขี้ยวเสือกลวง ไม้ครู มีดหมอ รักยม กุมารทอง ฤาษี ชูชก หุ่นพยนต์ ปลัดขิก น้ำเต้า กะลาตาเดียว ราหูอมจันทร์ หมากทุย เชือกคาดเอว เชือกคาดแขน แหวนพิรอด นางกวัก พ่อเฒ่า พ่อแก่ (ฤๅษี) ท้าวเวสสุวรรณ ฯลฯ รวมทั้งเครื่องรางที่แกะเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น หนุมาน ลิง องคต เสือ สิงห์ ราชสีห์ คชสีห์ ช้าง แพะ จิ้งจก ตุ๊กแก เต่า ปลาตะเพียน วัวธนู ควายธนู จระเข้ งู ฯลฯ
วัวธนูทองคะนองฤทธิ์ หลวงปู่กาหลง วัดเขาแหลม จ.สระแก้ว
เครื่องรางของขลัง ของโบราณาจารย์ไทย ไม่ว่าจะเป็นพระเกจิอาจารย์ หรือเกจิอาจารย์ฆราวาส ผู้มีวิชาอาคมขลัง มีความรอบรู้และเชี่ยวชาญชำนาญการในเรื่องไสยศาสตร์เป็นอย่างดี ได้จัดสร้างขึ้นนี้ มีความหลากหลายเหลือเกิน แต่ละชิ้นงานล้วนเป็นการสร้างขึ้นด้วยฝีมือชั้นบรมครูอันล้ำเลิศ ทีละชิ้น โดยไม่ซ้ำกัน นับเป็นงานแฮนด์เมดที่เป็นภูมิปัญญาไทยอย่างแท้จริง

ตลาดพระเครื่องรางของขลัง แม้วิทยาการทางเทคโนโลยีในสมัยนี้จะมีความก้าวหน้าไปมากแล้ว ความเชื่อในเรื่องของ พระเครื่อง วัตถุมงคลและเครื่องรางของขลัง อันเก่าแก่อาจจะลดน้อยลงไปในความรู้สึกเชื่อถือและศรัทธาของคนรุ่นใหม่ก็ตาม แต่ เครื่องราง ก็ยังเป็นที่ศรัทธาสนใจของผู้คนอีกไม่น้อย โดยเฉพาะนักนิยมสะสมพระเครื่องทั้งหลาย โดยเห็นว่า เครื่องราง เป็นส่วนหนึ่งของงานสะสมที่น่าสนใจไม่น้อย เครื่องรางของขลังค้าขายดี แม้จะไม่เชื่อในเรื่องของอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ ความเข้มขลัง ก็ตาม แต่ เครื่องราง ก็ยังนับเป็นโบราณวัตถุอย่างหนึ่งที่เต็มไปด้วย ศาสตร์และศิลป์ อันทรงคุณค่ายิ่ง ที่จะไม่มีโอกาสพบเห็นจากชนชาติอื่นใด เครื่องลาง ของขลัง เหล่านี้จึงเป็นผลงานรังสรรค์ เครื่องลางของขลังที่เกิดมาจากภูมิปัญญาของคนไทยแต่ครั้งโบราณกาล สมควรที่คนรุ่นหลังควรจะได้อนุรักษ์เอาไว้ ด้วยความหวงแหน และภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง...

พระร่วงหลังรางปืน สุดยอดแห่งพระเครื่องเนื้อชิน

พระร่วงหลังรางปืน สุดยอดแห่งพระเครื่องเนื้อชิน / โดย มหานิยม
พระร่วงหลังรางปืน มีความเป็นมาและตำนานที่กล่าวขานไว้อย่างไร?
มหานิยมจะเล่าให้ฟัง...
ความเป็นมาของ พระร่วงหลังรางปืน
พระร่วงหลังรางปืน ได้รับการยกย่องว่าเป็น “จักรพรรดิแห่งพระเครื่องเนื้อชิน” (เนื้อชินคือโลหะผสม มักมีตะกั่วเป็นหลัก อาจผสมเงิน ปรอท หรือโลหะอื่นๆตามสุตรและกรรมวิธีการสร้างของแต่ละอาจารย์) "พระร่วงหลังรางปืน" เป็นพระเครื่องเนื้อชินสนิมแดงที่หาได้ยากยิ่ง เนื่องจากจำนวนพระที่พบน้อยมากและพระที่พบจำนวนน้อยนั้นยังมีพระที่ชำรุดอีก ด้วย พระร่วงหลังรางปืนมีเอกลักษณ์ที่ด้านหลังเป็นร่องรางจึงเป็นที่มาของชื่อพระว่า พระร่วงรางปืนในเวลาต่อมา
พระร่วงรางปืน ปางเปิดโลก สุโขทัย
การค้นพบพระร่วงรางปืน
พระร่วงหลังรางปืน เป็นพระที่ถูกลักลอบขุดจากบริเวณพระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ เมืองเก่าชะเลียง อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย แต่เดิมพระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุเป็นสถาปัตยกรรมสกุลช่างลพบุรี สร้างขึ้นเป็นพุทธาวาสโดยตรง ได้รับการปฏิสังขรณ์และแก้ไขดัดแปลงหลายครั้งหลายครา ทั้งในสมัยสุโขทัยและอยุธยา ต่อมาได้รับการขุดโดยกรมศิลปากรครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2497
พระร่วงหลังรางปืนได้ถูกคนร้ายลักลอบขุดในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ.2499 เวลาประมาณตี 3 คณะของคนร้ายมี 4 คน ลักลอบขุดเจาะฐานพระพุทธรูปในพระวิหารด้านทิศตะวันตกขององค์พระปรางค์ และได้งัดเอาศิลาแลงออกไปประมาณ 8 ก้อน พบไหโบราณ 1 ใบ อยู่ในโพรงดินปนทรายลักษณะคล้ายหม้อทะนน หรือกระโถนเคลือบสีขาว สูงประมาณ 16 นิ้วเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 18 นิ้ว ภายในบรรจุพระพุทธรูปสกุลช่างลพบุรี 5 องค์ คือพระพุทธรูปยืนปางห้ามสมุทรทรงเทริด เนื้อสำริด สูง 10 นิ้ว 1 องค์ พระพุทธรูปปางนาคปรก เนื้อสำริด หน้าตักกว้าง 3-4 นิ้ว 2 องค์ พระพุทธรูปนั่งในซุ้มเรือนแก้ว หน้าตักกว้าง 3-4 นิ้ว 2 องค์ และ พระร่วงรางปืน ประมาณ 240 องค์ ไหโบราณและพระพุทธรูปทั้งหมดต่อมาได้นำมาขายที่แถวๆ เวิ้งนครเกษม พระร่วงรางปืน ที่ได้ในครั้งนี้เป็นพระร่วงหลังรางปืนที่ชำรุดเสียประมาณ 50 องค์ ที่เหลืออยู่ก็ชำรุดเล็กน้อยตามขอบๆ ขององค์พระ พระที่สวยสมบูรณ์จริงๆ นับได้คงไม่เกิน 20 องค์ พระร่วงของกรุนี้เป็นพระเนื้อชินสนิมแดง ที่ด้านหลังพระร่วงกรุนี้ส่วนใหญ่จะเป็นร่องราง เลยเป็นที่มาของชื่อ"พระร่วงหลังรางปืน" และมีบางองค์ที่เป็นแบบหลังตันแต่พบน้อย และที่ด้านหลังของพระจะเป็นรอยเส้นเสี้ยน หรือลายกาบหมากทุกองค์
พระร่วงรางปืน ปางห้ามญาติ สุโขทัย
ในตอนนั้นพวกที่ลักลอบขุดเจาะได้แบ่ง พระร่วงรางปืนกันไปตามส่วน และนำพระร่วงรางปืนออกมาจำหน่าย เมื่อมีข่าวแพร่สะพัดออกไปก็มีคนจากกรุงเทพฯ เดินทางไปเช่าหากันจนราคาพระสูงขึ้นเป็นอันมาก และพระก็ได้หมดไปในที่สุด พระร่วงรางปืน ที่พบของกรุนี้ในปัจจุบันได้แบ่งแยกออกเป็น พระร่วงหลังรางปืนพิมพ์ฐานสูงและพิมพ์ฐานต่ำ หรือ แบบพระพักตร์โตฐานหนา และแบบพระพักตร์เรียวฐานบาง ข้อแตกต่างก็คือที่ฐานขององค์พระจะสูงและบางต่างกัน นอกนั้นรายละเอียดจะเหมือนๆ กัน ลักษณะร่องรางของด้านหลังก็ยังแบ่งออกได้เป็นแบบร่องรางแคบและแบบร่อง รางกว้าง ที่สำคัญพระร่วงหลังรางปืนจะปรากฏรอยเสี้ยนทั้งสองแบบ

เนื้อและสนิมของพระร่วงหลังรางปืน จะเป็นเนื้อตะกั่วสนิมแดง วรรณะของสนิมออกแดงแกมม่วงสลับไขขาว สีของสนิมแดงในพระของแท้จะมีสีไม่เสมอกันทั้งองค์ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จะมีสีอ่อนแก่สลับกันไป ส่วน"พระร่วงหลังรางปืน"ของเทียมมักจะมีเสมอกันทั้งองค์ พื้นผิวสนิมมักจะแตกระแหงเป็นเส้นเล็กๆ คล้ายใยแมงมุม การแตกของสนิมมักแตกไปในทิศทางต่างๆ กันสลับซับซ้อน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสนิมแดงของแท้ที่ขึ้นเต็มเป็นปื้นมักจะเป็นเช่นนี้

พระร่วงหลังรางปืน ซึ่งเป็นพระเครื่องพิมพ์หนึ่งที่มีผู้คนนิยมเลื่อมใสเป็นอันมากนั้น น่าจะขุดพบที่วัดมหาธาตุอันเป็นที่ตั้งวัดใหญ่แต่กลับไปขุดพบที่วัดพระศรีมหาธาตุ(วัดพระปรางค์) อยู่เมืองสวรรคโลกโน่น ซึ่งเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย เป็นเมืองเก่ารุ่นเดียวกับกรุงสุโขทัย ตัวเมืองตั้งอยู่ บนฝั่งขวาแม่น้ำยม ตรงแก่งหลวง มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เมืองสวรรคโลกหรือเมืองเชลียง ปัจจุบันเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดสุโขทัย

พระร่วงหลังรางปืน สุโขทัย เป็นพระพุทธยืนปางประทานพร ศิลปะสมัยลพบุรี มีหลังรางปืนเป็นเอกลักษณ์ประจำองค์พระ ทำให้ง่ายต่อการเรียกขานเป็นอย่างมาก ถ้าไม่มีรางปืน หลังเรียบหรือหลังลายผ้ากด เขาเรียกพระร่วงหลังลายผ้า ลพบุรี เพราะเป็นพระพิมพ์เดียวกันสำหรับการเรียกขานชื่อพระเครื่องนั้นโดยมากจะตั้งชื่อกรุตามความพอใจของขุดพบแต่ละที่ แต่ละแห่ง
มูลเหตุของพระร่วงหลังรางปืน ที่มีความสมบูรณ์แบบ คมชัด และไม่เว้าหรือแหว่ง เพราะเหตุว่าการเทหรือการหล่อ ของช่างใช้วิธีใช้แม่พิมพ์ไม้กดด้านหลัง โดยใช้แม่พิมพ์ 2 ชนิด (ตัวผู้-ตัวเมีย) มาประกบกันเข้า แล้วเทตะกั่วลงทางด้านเท้า (หมายถึงเอาด้านเศียรลงต่ำ) เนื้อตะกั่วจะแล่นไปทั่วแม่พิมพ์ ทำให้เกิดความสมบูรณ์และสวยงาม...

About